พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช หนุมาน (กองปราบ) นักรบผู้ภักดี

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช หัวหอกหน่วยปฏิบัติการหนุมาน

ร่วม 1 ปี  7 เดือน นับตั้งเดือนพฤศจิกายน 2562  ที่ได้มีการก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษภายใต้ชื่อ “หนุมาน” ขึ้นตรงกับกองกำกับการสนับสนุนกองปราบปราม ซึ่งชื่อ “หนุมาน” นั้นเกิดจากแนวคิดของนายตำรวจหนุ่มไฟแรงผู้บังคับการกองปราบปราม ที่เรามักเรียกเขาว่า “รองก้อง” ที่มีความกระหายจะพิทักษ์และช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง

หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมานจัดตั้งขึ้นโดยยึดปณิธานอันแรงกล้าว่า

“จะอภิบาลคนดี ปราบปรามคนร้าย ผู้มีอิทธิพลและองค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ”

โดยมี พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังคอยทำหน้าที่ประกบ บังคับหางเสือและควบคุมใบเรือ ผู้คอยปรับองศาและทิศทาง เพื่อให้ “หนุมาน”ก้าวสู่เป้าหมายที่ธำรงไว้ ภายใต้การอำนวยการของนายตำรวจหนุ่ม โปรไฟล์ดี ผู้แบกรับหน้าที่และความกดดัน ชักธง ร่วมนำกำลังพลเข้าปราบปรามคดีร้ายแรงหลากหลายคดี

ก่อนเปิดเผยว่า “นับจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้การกองปราบ ฯ ทำให้เกิดความคิด กองปราบฯ ต้องมีชุดปฏิบัติการของหน่วยตัวเองเพื่อจะได้เรียกใช้สำหรับภารกิจต่าง ๆ”อีกทั้งในขณะนั้นหน่วยปฏิบัติการที่เคยสังกัดกองปราบ อย่างหน่วยคอมมาโดยได้แยกมีการแยกตัวไปอยู่สังกัดของกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 จึงเป็นสาเหตุสำคัญของการกำเนิดชุดหนุมานขึ้นมา เพื่อเป็นกองกำกับการคอยสนับสนุนกองบังคับการปราบปราม

กอปรกับ หนุมาน ในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นผู้ที่เก่ง ฉลาด ว่างไว ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์สูงส่ง จึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อของหน่วย ทั้งยังสอดคล้องกับการที่กองปราบปราบนั้นเป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ท่านผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีรหัสเรียกว่า “นารายณ์ 1”

หนุมานนักรบผู้แสนภักดี จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทีมรบกลุ่มนี้

บทพิสูจน์ความตระหง่านของหน่วยพิเศษหนุมานกรองปราบ

หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาน

สิ่งที่ยืนยันเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หาใช่เพียง ยศถาหรือตราประทับบนบ่าเพียงเท่านั้นแต่การฝ่าวิถีกระสุนเพื่อช่วยชีวิตประชาชนก็เป็นอีกสัญลักษณ์ที่บ่งบอกเกียรติแห่งตำรวจ

หากย้อนกลับไป ​เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2563ได้เกิดเหตุน่าเจ็บปวดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั้นคือ เหตุกราดยิงโคราชในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชศรีมา ในเหตุการณ์นั้นได้มีการสนธิกำลังกันทั้งหน่วยหนุมาน คอมมานโด อรินทราช นเรศวรและภาค 3 เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ในห้างให้ออกมาได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมากและเสียงปืนที่ดังเป็นระยะสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนทั้งในห้างรวมถึงผู้คนที่ติดตามข่าวสารนี้ที่แพร่สะพัดออกไปทั่วโลกภาพที่เผยตามสื่อต่าง

ๆ คือ พล.ต.ต.จิรภพ อยู่บริเวณด้านหลังของห้างซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงของการพาผู้รอดชีวิตอพยพออกมาจากในห้าง โดยพล.ต.ต.จิรภพ เผยว่า ตนนั้นต้องการเข้าไปพาประชาชนออกมาให้ไวที่สุด โดยมีตนเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย ขณะนั้นไม่ทันได้คิดถึงเรื่องอะไรเลย คิดอย่างเดียวจะพาประชาชนออกมาด้านนอกด้วยวิธีใด

ก่อนจะตัดสินใจว่าถึงทีต้องนำชุดหนุมานกองปราบ รวมถึงผนึกกำลังกับหน่วยผู้กล้าหน่วยอื่น

เร่งเข้าไปช่วยผู้รอดชีวิตด้านใน แม้จะเป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงแต่นั่นก็ทำให้สามารถช่วยชีวิตคนได้เป็นจำนวนมาก

ในช่วงเวลานั้นทุกชั้นของห้างเทอร์มินอล21 มีผู้รอดชีวิตแอบซ่อนอยู่และมีการบอกความเคลื่อนไหวของตนและขอความช่วยเหลือผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจะสามารถเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณชั้น G และเข้าช่วยเหลือผู้รอดชีวิตที่หลบซ่อนตามมุมต่าง ๆ ออกมาได้

ในเหตุการณ์นั้นมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ  ทำให้เราเห็นหัวใจที่กล้าหาญของผู้เสียสละหลายท่านที่พยายามปฏิบัติหน้าที่แบบไม่คิดชีวิตและเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนว่าหน่วงานต่างๆ นั้นทำงานกันอย่างเต็มกำลัง โดยลืมนึกถึงแม้กระทั่งชีวิตของตนรวมถึงทีมงานหนุมานที่ในขณะนั้นเพิ่งก่อตั้งได้เพียงไม่นานด้วย

ไม่เพียงแค่คดีกราดยิงโคราชเท่านั้นแต่หน่วยปฏิบัติการหนุมาน ภายใต้การบังคับใบเรือของ พล.ต.ต.จิรภพ ยังฝากความกล้าหาญ ว่องไว ด้วยการจัดการกับคดียาก ๆ อีกหลายคดี เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียนอนาคตไกลบุกปล้นร้านทอง เป็นต้น

รองก้อง” ผู้คอยบังคับหางเสือกองปฏิบัติการหนุมาน

สำหรับ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช หรือ “รองก้อง” หัวหอกชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน

ผู้ชักธงและเข้าร่วมในทุกปฏิบัติการณ์ด้วยตัวเองนั้น

ทั้งหมดทั้งมวลมาจากความมุ่งมั่นและตั้งใจทั้งสิ้น โดยรองก้องนั้น เริ่มแรกเป็นนักเรียนเตรียมทหารในรุ่น 34 และนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 50 เกิดเมื่อวันที2 ธันวาคม 2518 อายุ 46 ปี

ด้านการศึกษา “รองก้อง” จบการศึกษาระดับปริญญาโท

คณะ MIS Management Information System (การบริหารข้อมูลสารสนเทศ) Central Michigan University ที่ สหรัฐอเมริกาแล้วจึงศึกษาต่อระดับปริญญาเอกจนได้รับวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต

สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้วยความที่ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช มีความสนใจในสายงานนี้จึงได้ฝึกฝนตนเองด้วยการเข้ารับการอบรมมากมาย ถึงขนาดจบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐอเมริการวมถึงหลักสูตรชั้นนำระดับโลก ก่อนจะกลับมารับราชการในตำแหน่งต่าง ๆ อดทน พัฒนาหวังพิสูจน์ฝีมือเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและศักยภาพที่จะปฏิบัติตามปณิธานที่ว่า

“จะอภิบาลคนดี ปราบปรามคนร้าย ผู้มีอิทธิพล

และองค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ”